Type a search term to find related articles by LIMS subject matter experts gathered from the most trusted and dynamic collaboration tools in the laboratory informatics industry.
แซม สมิธ | |
---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | แซมูเอล เฟรเดอริก สมิธ |
เกิด | 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 |
ที่เกิด | ลอนดอน อังกฤษ |
แนวเพลง | อาร์แอนด์บี, ป็อป, โซล |
อาชีพ | นักร้อง นักแต่งเพลง |
ช่วงปี | 2007−ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | แคปิตอลเรเคิดส์ |
แซมูเอล เฟรเดอริก สมิธ (อังกฤษ: Samuel Frederick Smith; เกิด 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1992) เป็นที่รู้จักในชื่อ แซม สมิธ (Sam Smith) เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เขาเกิดในกรุงลอนดอน เมื่อเติบโตขึ้นในเมืองชนบทที่ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มร้องเพลงเมื่ออายุได้แปดขวบ ในขณะนั้นเขาได้มีส่วนร่วมในการทำงานกับละครเพลง
ในปี ค.ศ. 2013 เป็นปีที่สมิธเริ่มสร้างชื่อเสียงจากการร่วมงานกับนอตี บอย ในซิงเกิลอันดับ 1 "ลาลาลา" ที่ทำให้สมิธชนะรางวัลโมโบอวอร์ด 2013 ในสาขาเพลงยอดเยี่ยม หลังจากนั้น เขาได้ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับดิสโคลเชอร์ ในงานเทศกาลดนตรีใหญ่ ๆ หลายต่อหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นแกลสตันเบอรี ไปจนถึงโคเชลลาและแวร์เฮาส์ โปรเจกต์ รวมทั้งขึ้นแสดงสดกับนอตี บอยในงานโมโบ
ในปี ค.ศ. 2015 สมิธได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 6 สาขา และกวาดรางวัลมาได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงแห่งปี, เพลงแห่งปีจาก "Stay With Me" และอัลบั้มป๊อปแห่งปี "In the Lonely Hour"[1] ในปีเดียวกัน สมิธได้รับเลือกให้ร้องเพลง "ไรทิงส์ออนเดอะวอลล์" เพลงประกอบภาพยนตร์ องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย (Spectre) ภาพยนตร์ลำดับที่ 24 ในชุดเจมส์ บอนด์[2][3] "ไรทิงส์ออนเดอะวอลล์" ยังทำให้สมิธชนะรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลออสการ์ สาขาเพลงนำภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อีกด้วย
หลังจากเขาประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม อินเดอะโลนลีอาเวอร์ สมิธได้ทำรายสถิติจากกินเนสบุ๊ค ในหัวข้อ "อัลบั้มที่ติดชาร์ตยาวนานที่สุดในอังกฤษ" นานถึง 69 สัปดาห์ และ "Writing's On The Wall" กลายเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เพลงแรกที่ติดชาร์ตอันดับ 1 ในชาร์ตซิงเกิลแห่งสหราชอาณาจักร[4]
แซมเล่าว่าตั้งแต่เด็กเขาเผชิญแรงกดดันด้านภาพลักษณ์ร่างกายหรือ Body Image เพราะรูปร่างที่อ้วนกลม ตอนอายุ 8 ขวบเขาขอให้คุณแม่เขียนจดหมายส่งให้อาจารย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องว่ายน้ำในวิชาพลศึกษา และเมื่ออายุได้ 11 ปี ปัญหาด้านการโดนล้อและความไม่มั่นใจในตัวเองก็รุนแรงขึ้น จนเขาต้องไปพบแพทย์และมีการดูดไขมันที่หน้าอกตอนอายุ 12 เพราะร่างกายเขาผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป (ฮอร์โมนหลักของเพศหญิง) แซมยังได้เปิดเผยว่าเขาเป็นคนประเภท Non-Binary ที่ไม่แบ่งแยกเพศว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย โดยบอกว่า “เหมือนมีสงครามขนาดย่อมอยู่ในร่างกายและความคิดฉันเสมอ…บางครั้งฉันก็คิดเหมือนผู้หญิง และบางครั้งก็ถามตัวเองว่า อยากแปลงเพศไหม”